เมื่อปัญหาของโรคที่เกิดจากความเสื่อมของร่างกายคุกคามคุณ (เช่น : โรคมะเร็ง โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ, โรคเส้นเลือดในสมองตีบ, คลอเรสเตอรอลสูง, ความดันสูง, โรคไขมันเกาะตับ, โรคไขมันเกาะไต, ไขมันในหลอดเลือดสูง, โรคตับ, ตับอักเสบ, ไตอักเสบ, โรคหอบหืด, โรคลมชัก, โรค SLE, โรคไขข้อ, โรค Bechet, โรคผิวหนังอักเสบแพ้ง่าย, โรคไขข้อ, วัยทอง, ปวดประจำเดือน, มีถุงน้ำที่เต้านม รังไข่, มีบุตรยาก, อ้วน, โรคไทยรอยด์, อ่อนเพลีย เหนื่อยล้า, ต่อมลูกหมากโต, โรคเบาหวาน, เอดส์ (AIDS) หรือ HIV, โรคพุ่มพวง หรือ โรคแพ้ภูมิตัวเอง, อัมพาต อัมพฤกษ์, โรคเก๊า, โรคสะเก็ดเงิน, โรคเรื้อนกวาง, โรคภูมิแพ้, Sex เสื่อม, หย่อนสมรรถภาพทางเพศ, เสริมสร้างสมรรถภาพทางเพศ ฯลฯ) เรามีคำตอบให้คุณ ว่าต้องทำอย่างไร จึงจะสามารถอยู่กับโรคเหล่านี้ได้อย่ามีความสุข

Note:
อาหารเสริมไม่ใช่ยารักษาโรค อาหารเสริมเพียงช่วยให้ผู้ป่วยใช้ชีวิตอยู่กับโรคที่เป็นอยู่ได้อย่างมีความสุข และ มีสุขภาพแข็งแรง

.

.

วันอาทิตย์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกผลิตภัณฑ์ อาหารเสริมสุขภาพ

เนื่องด้วยทุกวันนี้ มีผลิตภัณฑ์ "อาหารเสริมสุขภาพ" ในท้องตลาดอยู่มากมายหลากหลายผลิตภัณฑ์ แล้ว เราจะทราบได้อย่างไรว่า "อาหารเสริมสุขภาพ" เหล่านั้นจะสามารถทานได้อย่างวางใจ และ แน่ใจได้ว่า ปลอดภัยต่อสุขภาพของเรา

ดังนั้นผมจึงขอรวบรวม "ธรรมนูญ" ว่าด้วย การเลือกผลิตภัณฑ์ "อาหารเสริมสุขภาพ" ให้ผู้อ่านได้พิจารณากันว่า เราควรจะเลือก "อาหารเสริมสุขภาพ" กันอย่างไร จึงจะปลอดภัยกับตัวเรามากที่สุด ซึ่ง "ธรรมนูญ" ที่ว่านี้ มีด้วยกัน 8 ข้อ ดังนี้
  1. เป็นสารอาหารที่เป็นธรรมชาติมากที่สุด หมายความว่า ต้องเป็นสารอาหารที่สกัดออกมาจากธรรมชาติ ไม่มีการปรุงแต่งของสารเคมีเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น ต้องไม่มีส่วนผสมของสารกันบูด, กันหืน, กันเชื้อรา
  2. มีปริมาณสารอาหารหลากหลาย หมายความว่า ไม่ใช่ได้รับสารอาหารแค่ 1 หรือ 2 ชนิด เพราะสารอาหารนั้นจะต้องมีการทำงานเป็นเครือข่าย เสมอ สารอาหาร ไม่สามารถทำงานด้วยตัวมันเองเดี่ยวๆได้เลย เช่น Vitamin C จะต้องทำงานร่วมกับ Vitamin A และ Vitamin E เสมอ
  3. ทำงานเป็นเครือข่าย และ จับคู่ได้ถูก หมายความว่า ไม่ใช่แค่มีปริมาณสารอาหารที่หลากหลาย แต่จับคู่การทำงานไม่ถูก ก็ไม่เกิดประโยชน์เช่นกัน เช่น ถ้าหากบอกว่า มีสารอาหารหลากหลาย แต่ สารอาหารเหล่านั้นไม่สามารถทำงานร่วมกันได้ เช่น บอกว่ามี  Vitamin A และ Vitamin E แต่ไม่มี Vitamin C  Vitamin A และ Vitamin E ก็ไม่สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ในทางกลับกันอาจจะได้รับผลลัพท์ ในด้านที่ไม่น่าพอใจกลับมาแทน นอกจากวิตามันแล้ว เกลือแร่ ก็สำคัญ เช่น หากเราทาน แคลเซียม (Calcium) อย่างเดียว โดยไม่มี แมกนีเซียม (Magnesium) ก็ไม่ได้ เพราะร่างกายไม่สามารถดูดซึม แคลเซียม (Calcium) เข้าสู่ร่างกายได้ และ หากไม่มี วิตามิน D ร่างกายก็ไม่สามารถดึง แคลเซียม (Calcium) ที่อยู่ในกระดูกออกมาใช้งานได้เช่นกัน โดยปรกติแล้วอัตราส่วนระหว่าง แคลเซียม (Calcium) กับ แมกนีเซียม (Magnesium) ต้องเป็น 2:1 เสมอ เช่น ทาน แคลเซียม (Calcium) 1000 มิลลิกรัม จะต้องทาน แมกนีเซียม (Magnesium) 500 มิลลิกรัมร่วมด้วยเสมอ เพราะหากเราไม่มี แมกนีเซียม (Magnesium) เป็นตัวพา แคลเซียม (Calcium) เข้ากระดูก แคลเซียม (Calcium) จะสะสมอยู่ตามส่วนต่างๆของกระดูก และ มีความเสี่ยงเป็นโรคกระดูกงอกได้อย่างง่ายดาย
  4. ครบถ้วนตามที่ร่างกายต้องการ หมายความว่า ต้องได้รับสารอาหารไม่ขาดไม่เกิน จากที่ร่างกายต้องการ เช่น ร่างกายต้องการ Vitamin C วันละ 1000 มิลลิกรัม เราก็ต้องทาน Vitamin C ให้ได้วันละ 1000 มิลลิกรัม ตามที่ร่างกายต้องการ แต่ ที่สำคัญ คือ ร่างกายสามารถรับ Vitamin C ได้ครั้งละไม่เกิน 500 มิลลิกรัมเท่านั้น ถ้าทานมากกว่านั้น ร่างกายจะขับทิ้งทางปัสสาวะ ทำให้วิตามินส่วนที่เหลือ สูญเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ เพราะฉะนั้นในการรับ Vitamin C ที่ถูกต้องคือ ได้รับวันละ 2 ครั้ง ครั้งละไม่เกิน 500 มิลลิกรัม
  5. ร่างกายสามารถดูดซึม และ นำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ หมายความว่า ไม่ต้องรอย่อยด้วยน้ำย่อย เพราะ เกลือแร่ ส่วนใหญ่เมื่อโดนน้ำกรดในกระเพาะอาหารแล้ว เกลือแร่ เหล่านั้นมักจะสูญสลายไปมากกว่า 50% เสมอ ดังนั้น เราต้องเลือกผลิตภัณฑ์ "อาหารเสริมสุขภาพ" ที่ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้งานได้ทันที
  6. ไม่มีการเหลือตกค้างอยู่ในร่างกาย หมายความว่า เมื่อทานเข้าไปแล้วร่างกายสามารถนำไปใช้งานได้หมด ไม่เหลือตกค้างอยู่ในร่างกาย หรือ ถ้าใช้งานไม่หมด ร่างกายสามารถขับออกได้ โดยไม่มีผลกระทบใดๆกับร่างกาย และ สามารถทานต่อเนื่องได้ตลอดไป ไม่จำเป็นต้องทาน 3 เดือน เว้น 1 เดือน (กรณี ผลิตภัณฑ์ "อาหารเสริมสุขภาพ" อะไรที่บอกว่าให้ทาน 3 เดือน เว้น 1 เดือน นั้น ส่วนใหญ่แล้วหมายความว่า จะเป็นสารอาหารที่สังเคราะห์ขึ้นมาจากสารเคมี ซึ่งร่างกายไม่สามารถนำไปใช้ได้หมด และ ไม่สามารถขับออกจากร่างกายได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นจึงต้องมีช่วงพัก เพื่อให้ร่างกายขับสารพิษตกค้างเหล่านั้นออกมาได้)
  7. มีความปลอดภัยสูง ซึ่งจะต้องได้รับการรับรองจากองค์กรกลางที่น่าเชื่อถือ หมายความว่า ต้องได้รับการไว้วางใจจากองค์กรกลาง และ เป็นสากล ว่าทานแล้วไม่มีผลกระทบต่อร่างกายจริง องค์กรกลางที่น่าสนใจเช่น โอลิมปิคสากล, ConsumerLab, PDR หรือ (Physical Desk Reference), Banned Substances Control Group (BSCG)
  8. วัดผลได้ด้วยหลักวิทยาศาสตร์ หมายความว่า ในการใช้ หรือ ทานผลิตภัณฑ์ "อาหารเสริมสุขภาพ" ผู้ที่ทานไปแล้ว ต้องสามารถตรวจสอบได้ว่า ทานไปแล้วได้ผลดีจริงๆ โดยการตรวจสอบนั้นต้องตรวจวัดโดยใช้หลักฐาน ทางวิทยาศาสตร์ที่น่าเชื่อถือ ไม่ใช่ รู้สึกไปเอง หรือ ให้คนอื่นบอก เพราะการที่ไม่สามารถตรวจวัดได้นั้น ไม่ใช่หลักการทางวิทยาศาสตร์


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

.

.